วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน สถาปัตยกรรมสุดคลาสสิก

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ความงามทางสถาปัตยกรรม ท่ามกลางธรรมชาติ แมกไม้นานาพันธุ์ ได้บรรยากาศของการพักผ่อน พร้อมทั้งชมมรดกทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามและล้ำค่า นับได้ว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว เมื่อได้มาเที่ยวที่นี่ สถานที่ตั้ง อยู่เขตพื้นที่ตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายพระรามหก เลยหาดชะอำมานิดเดียว ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ โดร่าจะพาชมบรรยากาศภายนอก และรอบๆบริเวณของพระราชนิเวศน์มฤคทายวันแห่งนี้กันค่ะ
** อุปกรณ์ทริปนี้ Canon EOS 550D + Tamron 17-50 f 2.8 VC


ก่อนที่จะเข้าไปในบริเวณวัง ผู้ที่มีกล้องถ่ายภาพต้องลงทะเบียนกล้องด้านหน้าก่อนจะเข้าไปภายในค่ะ



ด้านทางเข้าก็จะเห็นป้ายนี้อยู่ด้านบน พื้นที่ภายในกว้างขวาง และร่มรื่นมาก สำหรับการเตรียมเลนส์มาถ่ายภาพที่นี่นั้น ก็น่าจะเป็นเลนส์ไวด์ เพราะสถาปัตยกรรมของพระราชนิเวศน์แห่งนี้สวยงามเป็นอย่างมาก เลนส์ไวด์คงตอบโจทย์ได้ดีที่สุด


เดินเข้ามาภายในจะพบอาคารไม้ที่งดงามยิ่ง สร้างจากไม้สักทองทั้งหลัง บริเวณชั้นบนของอาคารห้ามถ่ายภาพนะคะ


พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ประกอบด้วยหมู่พระที่นั่งใหญ่ 3 องค์ ปลูกเรียงรายไปตามแนวชายหาด ทุกองค์สร้างแบบยุโรป


บรรยากาศบริเวณรอบๆ มีความสงบ และร่มรื่น เต็มไปด้วยแมกไม้นานาชนิด


หมู่พระที่นั่งจะเย็นสบายตลอดวัน เนื่องจากลมจากทะเลพัดเย็นสบาย และร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่


สีสันของอาคารไม้ที่ตัดกันทำให้ดูสวยงามสะดุดตา


แม้จะเป็นตอนเที่ยง แดดจัดยังไง ก็อยู่ภายในได้ทั้งวัน ไม่มีเบื่อ


อาคารไม้นี้มีแนวระเบียงเชื่อมพระที่นั่งทั้งสาม ให้ความสะดวกสบาย ปลอดภัย ในการสัญจรไปมา


เสาร์ อาทิตย์นี้ ถ้ายังไม่มีที่เที่ยว ก็ขอเชิญลองแวะมาชม ที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวันแห่งนี้ จะได้ทั้ง พักผ่อนหย่อนใจ ได้ภาพสวยๆ และยังได้สัมผัสสถาปัตยกรรมที่ล้ำค่าของชาวไทยอีกด้วยค่ะ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณผู้อ่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว และการถ่ายภาพซึ่งกันและกัน สวัสดีค่ะ

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

นั่งรถไฟไปกาญฯ ชมทางรถไฟสายประวัติศาสตร์

ทางเลือกหนึ่งในการท่องเที่ยว ที่ประหยัด สนุก คุ้มค่า ก็คือการนั่งรถไฟไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ บทความนี้จะนำเสนอ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม อีกทั้งยังประหยัดค่าเดินทาง นั่นคือ นั่งรถไฟไปกาญจนบุรี เพื่อชมทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ โดยรถไฟที่จะนำเราไปถึงยังที่หมายนี้คือ ขบวน 257 ธนบุรี - น้ำตก ต้นทางจะอยู่ที่สถานีธนบุีรี บางกอกน้อย และปลายทางจะอยู่ที่น้ำตกไทรโยคน้อย แต่เราไม่ไปถึงสุดทาง เราจะลงกันที่สถานีถ้ำกระแซ เพื่อชมทางรถไฟสายมรณะ ที่ลัดเลาะริมหน้าผา ขนานกับแม่น้ำแควน้อยนั่นเอง
** อุปกรณ์ทริปนี้ Canon EOS 550D + Tamron 17-50 f 2.8 VC 


ขบวน 257 นี้มีวิ่งทุกวัน จะออกจากสถานีธนบุรีเวลา 07.50 น. เมื่อมาถึงสถานีก็เตรียมตัวไปซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วก่อนเลย


ตอนนี้ยังเป็นตั๋วฟรีค่ะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เที่ยวได้โดยไม่ต้องเสียเงิน ได้ตั๋วแล้วก็มารอรถไฟเลย


ตอนเช้าๆอย่างนี้มีผู้คนมารอรถไฟจำนวนมาก รถไฟมีด้วยกันหลายสาย เช่น ธนบุรี-น้ำตก , ธนบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ , ธนบุรี-หลังสวน , ธนบุรี-ราชบุรี , ธนบุรี-ศาลายา

การมาท่องเที่ยวแบบนี้ทำให้ได้เรียนรู้วิถีชีวิตผู้คนในรูปแบบหลากหลายกันไป อีกทั้งยังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์สองข้างทางรถไฟ


ขบวนรถไฟสายนี้เป็นที่นิยมของชาวต่างทางที่ชอบท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากโบกี้นี้ ซึ่งชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะลงที่สถานีกาญจนบุรี และสถานีสะพานข้ามแม่น้ำแคว


เมื่อรถไฟออกแล้ว ก็จะได้ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางไปเรื่อย นี่คือวัดโพรงมะเดื่อ จังหวัดนครปฐม วัดตั้งอยู่ริมทางรถไฟพอดี เห็นชาวต่างชาติหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพกันใหญ่ โดร่าจึงถ่ายมั้ง


พอเริ่มเข้าเขตจังหวัดกาญจนบุรี ก็เริ่มที่จะเห็นธรรมชาติ ทุ่งนา ภูเขาน้อยใหญ่ สวยงามตลอดทาง


สถานีที่มีนักท่องเที่ยวลงจำนวนมากนั่นคือ สถานีกาญจนบุรี ลงสถานีนี้จะสามารถต่อรถไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอต่างๆของจังหวัดกาญจนบุรีได้อย่างสะดวกสบาย


ออกจากสถานีกาญจนบุรีได้ซักพัก จะมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว ถ้าลงสถานีนี้จะได้เดินชมสะพานแล้วถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่


ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา เราก็มาถึงจุดมุ่งหมายของเราในครั้งนี้แล้ว นั่นคือทางรถไฟสายมรณะ รถไฟขบวนนี้จะเคลื่อนตัวอย่างช้าๆบนรางรถไฟที่ขนานกับหน้าผา และแม่น้ำแควน้อย เป็นระยะทางประมาณ 400 เมตร


สุดทางรถไฟนี้จะเป็นสถานีถ้ำกระแซ เราก็ลงกันที่สถานีนี้เลย ที่นี่สามารถเดินตามรางรถไฟไปได้จนสุดอีกฝากหนึ่งของสะพาน


ตรงสะพานรถไฟที่เราเดิน จะมีถ้ำกระแซอยู่ ซึ่งถ้ำนี้แต่เดิม เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ จากไทยไปยังพม่า


ภายในถ้ำโปร่ง และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่


มองจากปากถ้ำมาที่บริเวณทางรถไฟ จะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม และมองเห็นแม่น้ำแควน้อยอยู่เบื้องล่าง บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเป็นทางโค้งเลียบเขา

การเดินทางโดยรถไฟนั้น ง่าย สะดวก เพลิดเพลิน ประหยัด เหมาะกับผู้ที่อยากชมวิถีชีวิตผู้คน ชมธรรมชาติ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเวลาน้อย เร่งรีบ เพราะการนั่งรถไฟไปแต่ละจุดจะใช้เวลานานมาก

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณผู้อ่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว และการถ่ายภาพซึ่งกันและกัน สวัสดีค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

เที่ยว 1 วัน สบายๆรอบๆ เมืองเชียงราย

บทความนี้เป็นบทความที่นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายเป็นบทความที่ 3 แล้ว จะเห็นได้ว่า จังหวัดเชียงรายนั้น เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย สวยงามทั้งธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม  สถาปัตยกรรม และผู้คน ถ้ามีเวลาจำกัดภายใน 1 วันในการเที่ยวรอบๆ ตัวเมืองเชียงราย จะสามารถไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ติดตามอ่านได้จากบทความนี้เลยค่ะ
** อุปกรณ์ทริปนี้ Canon EOS 550D + Tamron 17-50 f 2.8 VC



อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงราย บริเวณทางที่จะแยกไปอำเภอแม่จันหรืออำเภอแม่สาย ซึ่งเรียกกันว่า ห้าแยกพ่อขุน


ลักษณะของอนุสาวรีย์ เป็นพระรูปของพระองค์ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ขนาดเท่าครึ่ง ทรงฉลองพระองค์ด้วยเครื่องทรงพระมหากษัตริย์ล้านนาโบราณ นักท่องเที่ยวสามารถแวะกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล ได้ทุกเวลา


ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินทร ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนและมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อเป็นที่ระลึกครบรอบ 100 ปีแห่งวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นเครื่องหมายแห่งมิตรภาพระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ


ภายในมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีนแท้ มีสวนน้ำตรงกลางแบบซูโจว ออกแบบโดยสถาปนิกชาวจีนจากมณฑลเสฉวน วัสดุกระเบื้องหลังคา สิงโตแกะสลักด้วยหินอ่อน นำมาจากประเทศจีนทั้งสิ้น


พิพิธภัณฑ์บ้านดำ เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านขนาดใหญ่ บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ประกอบด้วยอาคารสถาปัตยกรรมแบบกาแลกว่า 40 หลัง รวมถึงบ้านสถูปรูปทรงแปลกตา


ซึ่งเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินผู้เป็นเจ้าของ โดยตกแต่งภายใน เน้นจัดแสดงผลงานศิลปะล้ำค่า อาจนับได้ถึงหมื่นๆชิ้น


บ้านอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ตั้งอยู่ที่ตำบลนางแล อำเภอเมือง เชียงราย ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก


บ้านป่าอ้อ ( 5ชนเผ่ากระเหรี่ยงคอยาว ) อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย ประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นอีกหนึ่งชุมชนท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของตำบลนางแล


เป็นหมู่บ้าน รวมชนเผ่า 5 เผ่า ได้แก่ อาข่า เย้า ลาหู่ ปะหล่อง กระเหรี่ยงคอยาว แต่ละชุมชนดำเนินวิถีชีวิตของแต่ละเผ่า


มีวัฒนธรรม ประเพณีของแต่ละเผ่า แต่ละชนเผ่าจะนับถือบรรพบุรุษตนเอง นับถือศาสนาพุทธ และคริสต์


ชุมชนมีการประกอบอาชีพหลัก คือการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และทำการฝีมือ เย็บปักถักร้อย ทอผ้า เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวเพื่อเป็นรายได้เสริมแก่ชุมชน


ไร่บุญรอด เป็นไร่ของบริษัทบุญรอด ผู้ผลิตเบียร์สิงห์ เส้นทางเดียวกับวัดร่องขุ่น อำเภอเมืองเชียงราย เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม ภายในมีแปลงปลูกข้าวบาร์เล่ต์ของเบียร์สิงห์อยู่ทางด้านหน้า มีพื้นที่เกษตรกรรม และไร่ชากว่า 600 ไร่


นอกจากนี้ยังสามารถชมทัศนียภาพของขุนเขา ชมพระอาทิตย์ตกดิน และรับประทานอาหารอร่อยได้ที่ ร้านอาหารภูภิรมย์ บนจุดชมวิว 360 องศา ซึ่งตั้งอยู่ทางเข้าไร่


หอนาฬิกา ตั้งอยู่บนถนน ใจกลางเมืองเชียงราย เรียกกันว่า วงเวียนหอนาฬิกา หอนาฬิกานี้สร้างสรรค์และออกแบบ โดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทุกคืนเวลา 19.00 20.00 21.00 น. จะมีการแสดง แสง สี เสียง ที่หอนาฬิกา ประกอบเพลงเชียงรายรำลึก ดังก้องถนน ตระการตาเป็นอย่างมาก

จะเห็นว่าภายใน 1 วันกับสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆเมืองเชียงราย มีสถานที่ที่สวยงามและน่าสนใจหลายที่ เชียงรายเป็นเมืองที่สงบ สวยงาม เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่อยากจะผ่อนคลาย ชื่นชมธรรมชาติ ความสวยงาม นักถ่ายภาพก็ไม่ควรพลาดหลายๆจุดในเชียงรายเลยทีเดียว

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณผู้อ่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว และการถ่ายภาพซึ่งกันและกัน สวัสดีค่ะ

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ทำบุญ ไหว้พระ 5 วัดสวยงามใน อำเภอเมือง เชียงราย

บทความที่แล้วพาไปชมสถานที่สวยงามทางธรรมชาติของจังหวัดเชียงรายไปแล้ว บทความนี้จะพาไปชมสถาปัตยกรรมที่งดงาม ของวัดวาอารามทั้ง 5 แห่ง ในอำเภอเมือง ซึ่งแต่ละวัดมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ลักษณะโดยทั่วไปจะมีสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ซึ่งวัดแต่ละแห่งที่นำเสนอ แต่ละที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก สามารถเดินทางได้สะดวก ท่องเที่ยวได้ภายใน 1 วัน 
** อุปกรณ์ทริปนี้ Canon EOS 550D + Tamron 17-50 f 2.8 VC


แห่งที่ 1 "วัดร่องขุ่น" วัดแห่งนี้ก่อสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตกรชั้นแนวหน้าของไทย วัดร่องขุ่นนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 13 กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่นิยมอย่างมากของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเชียงรายเป็นอย่างมาก


วัดนี้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก โบสถ์เป็นสีขาวทั้งหมด ช่างภาพทั้งหลาย สามารถหามุมโพลาไรซ์ เพื่อจะให้ท้องฟ้าสีฟ้าเข้มตัดกับสีขาวของตัวโบสถ์ได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว


ความงามของศิลปะภายในวัดแห่งนี้มีมากมายหลายจุดที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมี หอศิลป์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมงานศิลปะของอาจารย์เฉลิมไว้แสดงให้ได้ชมกัน ผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะไม่ควรพลาด


ภาพนี้เป็นเวลาเย็น วัดปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ก็มีช่างภาพหลายท่าน ยืนรอความงามของช่วงแสงทไวไลท์อยู่ภายนอก


แห่งที่ 2 "วัดพระแก้ว" เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ที่ถนนไตรรัตน์ ในตัวเมืองเชียงราย เดิมมีชื่อว่าวัดป่าเยียะ มีความสำคัญคือเป็นสถานที่ค้นพบ พระมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต จึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระแก้วในเวลาต่อมา


ภายในวัดพระแก้วมีความงดงามมาก ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานของพระประทาน คนเชียงรายเรียกกันว่า พระเจ้าล้านทอง เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่คนเชียงรายนับถือกันมาก


ในบริเวณวัดแห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ของโบราณให้ชมมากมายอีกด้วย


แห่งที่ 3 "วัดพระสิงห์" เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ที่ถนนท่าหลวง ในตัวเมืองเชียงราย เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่แต่โบราณ และเป็นศาสนสถานอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงรายมาอย่างยาวนาน


มูลเหตุที่ชื่อว่า วัดพระสิงห์ นั้นเชื่อกันว่า น่าจะมาจากที่ครั้งหนึ่ง วัดนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของไทยในปัจจุบัน คือ พระพุทธสิหิงค์ หรือที่เรียกกันในชื่อสามัญว่า พระสิงห์


พระอุโบสถมีรูปทรงสถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทยสมัยเชียงแสน บานประตูหลวง ทำด้วยไม้แกะสลักจิตรกรรมแบบประณีตวิจิตรบรรจง ออกแบบโดยศิลปินเอก อ.ถวัลย์ ดัชนี


แห่งที่ 4 "วัดมิ่งเมือง" ตั้งอยู่ที่ถนนไตรรัตน์ ในตัวเมืองเชียงราย เดิมมีชื่อเรียกตามปรากฎบนแผ่นทองคำจารึกอักษรพม่าว่า วัดตะละแมศรี ได้รับพระราชทานวิสุงคามสิมา เมื่อ พ.ศ. 2513 เป็นวัดไทใหญ่


วัดมิ่งเมืองมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วัดช้างมูบ (วัดช้างหมอบ) เป็นชื่อที่ชาวเชียงรายทั่วไปเรียก


วัดมิ่งเมืองแห่งนี้ได้รับการจดบันทึกให้เป็นวัดเก่าแก่สำคัญทางประวัติศาสตร์วัดหนึ่งของเมืองเชียงราย


แห่งที่ 5 "วัดพระธาตุดอยงำเมือง" เป็นที่ตั้งของกู่พญาเม็งราย ตั้งอยู่ถนนอาจอำนวย อยู่หลังวัดพระแก้ว ในเมืองเชียงราย เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดงามเมือง

สร้างโดยพญาไชยสงครามโอรสพญามังรายมหาราช


ภายในอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังลวยลาย ล้านนา ที่งดงามมาก

วัดทั้ง 5 แห่งในตัวเมืองเชียงรายที่นำเสนอไปนั้น แต่ละแห่งมีล้วนมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และศาสนา รวมทั้งสถาปัตยกรรมล้านนา ที่สวยงามแตกต่างกันไป ผู้ที่ชอบเที่ยวท่องแนวประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศิลปะ จิตรกรรมโบราณ ถ้าท่านมาเที่ยวเชียงราย แนะนำให้จัดโปรแกรมเที่ยววัดสำคัญในตัวเมือง 1 วัน ท่านจะเพลิดเพลินไปกับศิลปะ สถาปัตยกรรม แล้วยังได้อิ่มบุญกันอย่างแน่นอน

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณผู้อ่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว และการถ่ายภาพซึ่งกันและกัน สวัสดีค่ะ